วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552

ปิติ

นี่คือสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริงๆ
และเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ประสบณ์
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ หากคิดว่าเวอร์เกินไปก็เชิญได้ แต่เมื่อพบเองแล้วจะรู้...ซักวัน

วันนี้เราเดินไปที่ป้ายรถเมล์แถวบ้าน
ก็เจอคนยืนรอรถเมล์อยู่2-3คนตรงเก้าอี้ก็มีคุณตาคนนึงนั่งอยู่
แกแก่มาก หลังโกงๆ ตัวเล็กๆมือขวาถือถุงข้าวกับถุงห่อหมกไว้ มือซ้ายจับช้อนๆแบบเก้ๆกังๆ
นั่งก้มหน้าตักข้าวเข้าปากเห็นแล้วรู้สึกลำบากแทน
ตาแกตัวเล็ก นั่งเหมือนเด็กกินข้าวเราเห็นแล้วเราก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆว่าแกตั้งใจกินข้าวอะไรขนาดนั้น
พอเราหย่อนตัวลงไปนั่งใกล้ๆแก
แกก็หันมาทางเราแล้ว"ยิ้ม" ข้าวติดเต็มข้างปาก ฟันแกก็หลอจนแทบไม่มี
ตาแกยิ้ม แบบที่เรา ไม่เคยเห็นในโลก ยิ้มแบบที่จริงใจที่สุดที่เราเคยเห็นมาในชีวิต
เหมือนเราเห็นโลกหยุดตรงนั้นจริงๆ ความรู้สึกแบบที่มันอื้ออึงไปหมด
แล้วรู้สึกเหมือนน้ำตามันปริ่มๆออกมา เรายิ้มค้าง
แล้วแกก็ถาม เสียงแหบๆเบาๆว่า "ทานข้าวยัง"แล้วก็ยังยิ้มอยู่ด้วยข้าวก็ยังติดปาก
เราก็ครับๆทานแล้ว ตอบแกไป แกก็ยื่นมือที่ถือถุงข้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วพยักหน้าจิ๊ดๆ
เราก็ยิ้มตอบแกไป หน้าเรายังค้างอยู่ที่เดิม ตาเรายังมองอยู่ที่แกไม่ละ
แกก้มหน้าตักข้าวของแกต่อไป แล้วแกวางถุงข้าวลง หยิบของในถุงออกมาอีก
ดูเหมือนจะเป็นขนมกับผลไม้ มัดไว้ในถุงกับข้าวเหมือนกัน
จับๆ เหมือนจะหาอะไรมาอวดให้ดูหรืออยากจะแบ่งเราก็ไม่รู้

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เราอยากขอบพระคุณคนที่ดูแลคุณตา
คนที่ทำกับข้าวใส่ถุงมาให้ คนที่มัดขนมใส่ถุง คนที่ทำสิ่งเหล่านี้ให้คุณตา...
หรือแม้กระทั่งถ้าคุณตาเป็นคนจัดการเองทั้งหมด ก็ขอขอบพระคุณเช่นกัน
ภาพที่เกิดขึ้นดูเหมือนภาพที่เกิดขึ้นในปกติ
แต่สำหรับเรา มันเป็นภาพที่หาไม่ได้ในโลก ลอยยิ้มแล้วก็ความห่วงใย
คุณตาเป็นเหมือนเทวดามามอบความสุขให้เรา เหมือนจริงๆหรืออาจใช่
พ่อบอกว่า ความปิติเหล่านี้ คือบุญ คุณตาได้รับบุญนั้นไปแล้วเต็มๆแน่นอนจากเรา
เราขึ้นรถเมล์ยังเห็นภาพลอยยิ้มติดตา มาตลอดและยิ้มตลอด น้ำตาคลอ
จนกระทั่งพอขึ้นรถกรรัช แล้วเล่าให้กรรัชฟัง น้ำตา มันก็ไหลออกมาแบบสุดๆ

ภาพนี้มันจะไม่จางหายไปเลยจากใจ แม้กระทั่งความจำมันจะทำให้ภาพมันเลือนๆไปแล้ว
แต่เราจะนึกถึงตลอด ว่าคุณตา มีรอยยิ้มที่มีค่าต่อชีวิตเรามาก จริงๆ